จะรีบไปไหน...จะรีบไปไหน...รอโหลดซักกะเดี๋ยวนะตะเอง...


PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

32 เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 15...สนุกสุดเหวี่ยงกับการขายและข่าวดีจาก California

@ สดุดี..นโยบายบัตรทองประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค
@ ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม
@ ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!
@ พี่สาวผมเคยถามผมว่า ทำไมผมจึงฝักใฝ่อยู่กับคุณทักษิณ?????
@ เฮ้อ!! ณ นาทีนี้..บอกได้คำเดียว เสียดาย..เสียดายครับ...นโยบายดีๆที่คน กทม. ไม่เอ๊า..ไม่เอา...
@ ทำความเข้าใจก่อนวิจารณ์ "การลงทุน 2 ล้านล้าน" กับ รัฐมนตรีชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์
@ เขียนให้อ่าน..จากใจ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร
@ ทิ้งหนี้ไว้ให้ลูกหลาน โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร
@ อะไรคือ มรดกอสูร!!! ใครคือ ทายาทอสูร!!! ดร.โกร่งมีคำตอบ
@ ผงซักฟอกยี่ห้อใหม่ตราตาชั่งเอียงสีฟ้า
@ เป็นเพราะว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเหล่านี้ไม่มีสำนึกในการรักษาความยุติธรรม..และยังทำลายความยุติธรรมด้วยมือของตนเองอีกด้วย...
@ คำแปล ปาฐกถาพิเศษ ปชต."นายกฯยิ่งลักษณ์"ที่มองโกเลีย
@ จดหมายเปิดผนึก.. ส.ส.และ ส.ว.312 คน คัดค้านและไม่ยอมรับการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น

< < UpDate ถึงตอนที่ 17 > >
เก็บหน้านี้ไว้ใน Favorites เพื่อสะดวกในการอ่านตอนต่อๆไป นะครับ



หมายเหตุ: ขอขอบคุณและขออนุญาตคุณ akausa นำข้อเขียนของท่านมาลงไว้เว็บนี้นะครับ


เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00
By: akausa เว็บประชาทอล์ค (เริ่มตอนแรก 26 ธ.ค.2554)

@ ตอนที่ 1-7 เชิญอ่านได้ที่นี่ครับ
@ ตอนที่ 8-14 เชิญอ่านได้ที่นี่ครับ

ตอนที่ 15... สนุกสุดเหวี่ยงกับการขายและข่าวดีจาก California

ผมเดินเข้าตึกไปขณะนั้นก็ประมาณ 10 โมงเช้า..โห..มีคนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อ Register ที่จะเข้าไปใน Market คือเข้าไม่ได้ Open to Public หมายถึงใครๆก็เข้าไปได้ จะต้องมีธุรกิจหรือไม่ก็มีการงานมีตำแหน่งในธุรกิจนั้นๆ Market Week นี้เกี่ยวกับงานเสื้อผ้าดังนั้นตำแหน่ง Owner, Manager และ buyer จึงจะมีเป็นส่วนมาก ผมในฐานะที่มี Line show อยู่และได้ทำบัตร pass ล่างหน้าไว้แล้วจึงไม่ต้องไปเข้าแถวรอคิวลงทะเบียนอีกต่อไป เอา ID ที่เขาให้มาคล้องคอแล้วก็เดินผ่านจุดตรวจเช็คเข้าไปเลย

โชว์รูมของนายโจอยู่ชั้นสอง เมื่อผมเดินไปถึงก็เห็นนายโจกำลังโชว์ชุดแม้วให้กับลูกค้าอยู่ ผมสังเกตเห็นป้าย "Meo Fashions" ที่นายโจทำขึ้นใหม่ติดไว้ที่ฝาผนัง ทำให้ผมนึกภูมิใจ ดีใจมาก..ถึงจะยังกระท่อนกระแท่นอยู่ตอนนี้เราก็เข้า Business อย่างเต็มตัวแล้ว...เมื่อนายใจเห็นผมเดินเข้าไปเขาก็แนะนำให้ลูกค้าว่า "This is Mr. Aka. He’s the President of the company who created this beautiful little dress." Oh my God อีตาโจมันชั่ง Bull shit ดีแท้..ผมยังนึกไม่ถึงเลยว่าผมเป็นอะไร...แต่ก็ภูมิใจมากนะที่นายโจแนะนำลูกค้าไปอย่างนั้น...55555 แล้วผมก็ตอบขอบคุณลูกค้าที่มาอุดหนุนสั่งของเราไปขาย..

ฝรั่งนี่นะก็เป็นมนุษย์มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนคนทั่วๆไปนี่แหละ เพียงแต่เผ่าพันธุ์และการสื่อสารเท่านั้นที่ต่างกับเรา...ดังนั้นการสรรเสริญเยินยอ มีความรู้สึกดีที่ได้พบคนที่มีเกียรติในสังคมทำให้เขาหน้าบานเหมือนกัน

วันนั้นทั้งวันที่โชว์รูมของเรา Busy ตลอด ลูกค้าคนนั้นออกคนนี้เข้า นั่งรอคิวก็มี สรุปแล้วถือว่า ห้องโชว์รูมของเรา Hot มาก พวกเชลแมนส์ของโชว์รูมข้างๆแถวนั้นต่างมองด้วยความอิจฉา

โชว์นี้นายโจทุ่มเวลาให้กับ Meo Fashion ปกติเขาจะ Represent เป็นตัวแทนขายให้ 4-5 บริษัท ตอนนี้เหลือ 1 เป็น 2 กับ Line ของผม

Line ที่นายโจเหลือไว้ผมจำชื่อ Brand Nameได้ว่า Rainbow ซึ่งผลิตเสื้อผ้า Loungewear แบบชุดนอน ชุดหลวมๆอยู่กับบ้าน จะประมาณแบบรูปที่เอามาให้ดูนั่นแหละ ชุดแม้วของผมก็คล้ายอย่างนั้นแต่ไม่ได้แค่ใส่อยู่กับบ้านหรือใส่นอนเท่านั้นใส่ออกงานเลี้ยงยังได้เลย

อีกอย่างหนึ่งที่ผมเห็นนายโจนี่ชาญฉลาดมากคือเขาไปเห็นรูปเมียของ Mayor of Dallas ในงานเลี้ยงอะไรไม่รู้ผมจำไม่ได้ในหนังสือพิมพ์แต่ใส่ชุดแม้วของเราเสียสวยเก๋เลย นายโจก็เอาไปพิมพ์ก็อปปี้ให้ลูกค้าดู..บอกว่าดูสิ..คนดังยังใส่เลย......ใส่ได้ทุกโอกาสเลย.....แบบฝรั่งเรียกว่า..Any occasion dress ผมชอบวิธี present หรือวิธีการขายจูงใจลูกค้าของนายโจมาก....นายโจนี่ผมก็ถือว่าเป็นครูในการขายของผมเลยทีเดียว

พวกเซลส์แมนในตลาดนี่ผมมาเรียนรู้ว่าเวลามีของใหม่อะไรที่ขายดีเขาก็อยากเอาไปขาย ที่รู้นี่เพราะวันหนึ่งก็มีนายคนหนึ่งเข้ามาถามผมถึงเรื่องชุดแม้วเขาบอกว่าสนใจที่จะขายให้เขามีลูกค้าประจำเยอะสามารถขายให้ผมได้ ผมก็บอกว่าถ้าคุณอยากขายก็ไปคุยกับนายโจสิเขาว่าอย่างไรผมก็ว่าอย่างนั้นเพราะ เขาเป็น Sales Manager อยู่ แต่แล้วนายนั่นก็ไม่ไปผมก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร


มีอยู่วันหนึ่งมีผู้หญิงคนไทยคนหนึ่งเข้ามาเขามีร้านขายเสื้อผ้าเหมือนกันเขาถามผมว่าผมขายตัวละ 30 เหรียญทำไมขายแพงนัก เอากำไรมาก ที่เมืองไทยไปซื้อที่เชียงใหม่มีขายเยอะแยะตามตลาดตัวละ 4-5 เหรียญเอง มาถามผมอย่างนี้ ถ้าจะใช้วิธีพูดแบบแม่ค้าปากคลองตลาดแล้วผมก็จะบอกว่า "งั้นคุณก็นั่งเครื่องบินกลับไปซื้อที่เมืองไทยสิ"

แต่ผมก็คิดว่าจะสอนยายนี่เสียหน่อย ก็เลยถามเขาว่าร้านคุณขายเสื้อผ้าระดับไหน ราคาโดยเฉลี่ยอย่างไร เขาก็คุยว่าร้านเขาเป็นร้าน Boutique (บูติค) ขายเสื้อผ้าราคาระดับปานกลาง and up แล้วผมก็ถามว่าถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าคุณขายชุดแม้วนี่ในร้านคุณในราคา 65 เหรียญได้ไหม เขาก็บอกว่าได้สบายมาก ร้านเขามีระดับ

ผมก็เลยบอกว่าผมขายให้คุณในราคา 30 เหรียญคุณเอาไปขาย 65 เหรียญ คุณได้กำไรตั้ง 35 เหรียญแล้วทำไมต้องมาพะวงว่าผมจะได้กำไรเท่าไหร่ แถมยังไม่พอผมให้เครดิตคุณอีก 30 วัน ถ้าคุณคิดว่าผมเอากำไรมากไปคุณไม่ซื้อ...คุณเองก็อดที่จะเอาไปขายได้กำไรตัวละ 35 เหรียญ

พอผมพูดเสร็จเธอก็คงคิดได้แล้วก็สั่ง 1 โหล ทีหลังเขาก็สั่ง มาอีก 3-4 ครั้ง ซึ่งก็เป็นปกติที่ร้าน Boutique เขาจะขายได้ในระดับนี้เพราะย่านที่เขาเปิดร้านมันก็จะมีลูกค้าจำกัด ก็ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นนั่นแหละ คนที่อยู่ไกลเขาก็ไม่มาซื้อ

สรุปแล้วผมก็ไม่รู้ว่าน้องนางนั่นจะคิดได้อย่างที่ผมสอนหรือเปลี่ยนนิสัยได้หรือเปล่า การค้าขายเนี่ยต้องพอใจในส่วนที่เราได้ เขาซื้อเรา 5 บาทเขาเอาไปขายได้ 20 บาท 50 บาทหรือแม้แต่ 100 บาท ก็อย่าไปอิจฉาเขากลัวเขาได้เราก็อดเหมือนกัน...แม่นบ่อ

สามวัน(ศุกร์-อาทิตย์)ที่ผมอยู่ในโชว์รูม เรามีออเดอร์เยอะมากเกือบสามพันตัว ร้านค้าที่สั่งเป็นแบบ Chain Store ก็มี Chain Store ก็คือร้านที่มีหลายๆสาขา ตั้งแต่น้อยจนถึงมาก มีอยู่ร้านหนึ่ง มีตั้ง 65 สาขา เขาสั่งให้ส่งให้ 30 สาขาๆละ 1 โหลก่อน ถ้าเขาขายได้เขาก็จะสั่งเพิ่มและจะสั่งให้ครบสาขาเลย วิธีและระบบการค้าของเขาจะเป็นอย่างนั้น Reorder จะเป็นที่ต้องการของบริษัทผู้ผลิตอย่างยิ่งเพราะคนสั่งจะสั่งสองเท่าหรือสามเท่าของที่สั่งครั้งแรกเลย มันก็มีหลาย order นะที่เป็น Chain Store มี 4 สาขามั่ง 12 สาขาและ 18 สาขา ร้านพวกนี้ส่วนมากจะอยู่ใน 5 รัฐ ที่เป็น Territory หรือขอบเขตของโจเขา

ตอนเย็นวันอาทิตย์หลังจากเลิกงานแล้ว ผม โจและภรรยาเขาก็ไปกิน Dinner กัน กินเสร็จแล้วผมก็ขับรถกลับ(ประมาณ 2 ทุ่ม)Houston พร้อม order ที่ได้รับมา ขณะที่ขับรถกลับก็คิดมาตลอดทางว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ปัญหาก็คือจะไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า มันกลายเป็นงานใหญ่แต่ทุนเราน้อยแต่ก็คิดว่า "I will do my best" เที่ยงคืนผมก็กลับถึงบ้าน อาบน้ำแล้วก็เข้านอน

ตอนเช้า 8 โมงเช้าผมก็ไปถึง Office ก็นั่งเอาออเดอร์มาแยกประเภทว่าอันไหนต้องส่งได้เร็วหรือเช้า มารวมดูว่าเขาสั่งสีไหน Size ไหนมากที่สุดแล้วจะได้จัดการสั่งทำต่อไป

อาทิตย์หนึ่งผ่านไประหว่างนั้นก็ได้รับ order จากโจที่ส่งมาให้เรื่อยๆ คือแต่ละวันถ้าเขาได้ออเดอร์ตอนเย็นเขาก็จะเมล์มาให้

และแล้ววันหนึ่งโจก็โทรมาบอกว่า Aka...I have a very good news for you... ผมก็ถามว่าอะไรหรือ..นายโจก็บอก Don(เขาหมายถึงนายดอนที่ขายให้ที่ตลาดแคลิฟอร์เนีย) he did a very good job for you at the market...see...I told you that he will do well. He’s very excited and he wants to make a real nice flier to mail to his customers. หมายถึงว่านายดอนขายได้ดีมาก เขาตื่นเต้นและเขาอยากจะทำใบปลิวส่งให้กับลูกค้าของเขา. ผมก็ตอบไปว่าผมดีใจและก็ให้นายดอนพิมพ์ใบปลิวได้แต่ขอดูก่อนพิมพ์นะ นายโจก็บอกโอเคและบอกว่านายดอนจะจัดการส่งออเดอร์มาให้ทางเมล์

มันไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่เราขายของอะไรและของนั้นขายได้และเป็นที่ต้องการของตลาดแล้ว "โอกาส" ก็จะเป็นของเรา ผมรู้สึกดีใจมากกับข่าวที่ได้รับและนี่ก็จะเป็นโอกาสของผมอีกครั้งที่จะได้เข้าสู่ในแวดวงธุรกิจและวงการแฟชั่นอย่างเต็มตัว ทั้งๆที่ไม่เคยรู้เรื่องแฟชั่นอะไรมาก่อนเลย....เข้าไปโดยบังเอิญแท้ๆ

อีกหนึ่งอาทิตย์อาทิตย์ต่อมานายโจก็ส่งข่าวมาว่า Market ครั้งหน้าเราจะมีตัวแทนขายที่ Miami Florida ชื่อนาย Paul และ ที่ Atlanta Georgiaชื่อนาย Millard ทั้งคู่ต่างก็รู้จักนายโจเพราะ Represent Line "Rainbow" เหมือนกัน

ก็คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผมดีใจขนาดไหน ยังไม่พอผมกำลังจะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศให้คนรู้จัก Thailand มากยิ่งขึ้นไปอีก เอาสินค้า Made in Thailand ไปขายสมัยนั้นใช่ว่าคนอเมริกันเขาจะรู้จัก Thailand เหมือนอย่างสมัยนี้ เยอะเลยที่คิดว่า Thailand คือ Taiwan

ผมไม่ได้มี Plan ที่จะสร้างธุรกิจให้เติบใหญ่อย่างนี้...คือแบบธุรกิจมันลากผมเข้าไปแท้ๆ

โปรดติดตามตอนต่อไปที่นี่... ธุรกิจเติบโตงานก็เยอะ ไปเรียกนาย Keith ให้อออกจากงานโบลิ่งแล้วมาทำกับผม...วันที่พระเจ้าได้บอกให้ใครคนหนึ่งรู้...ว่าผมเป็นคนอย่างไร..

Washington D.C ,U.S.A.

เนื่องจากมีคนบ่นมาเยอะให้ผมเขียนเรื่อง 40 ปีในการใช้ชีวิตในอเมริกาของผมต่อเพราะว่างเว้นมานานแล้ว...ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษที่ไม่ได้เขียนเพราะเอาเวลาไปกู้ชาติมากไปหน่อย...55555...ช่วงนี้พอมีเวลาว่าง...จะพยายามเขียนให้ได้อาทิตย์ละ 2 ตอนครับ

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน.... หากไม่เข้าใจหรือมีคำถามอะไร....เชิญถามได้นะครับ.... อาข่า

ตอนที่ 16... ธุรกิจเติบโตงานก็เยอะ ไปเรียกนาย Keith ให้ออกจากงานโบว์ลิ่งแล้วมาทำกับผม...วันที่พระเจ้าได้บอกให้ใครคนหนึ่งรู้...ว่าผมเป็นคนอย่างไร..

.. เมื่องานเริ่มเยอะขึ้น....ผมทำสองคนกับหลานแม่เด็กไม่ไหวผมก็เลยไปหานาย Keith ที่ยังทำงานอยู่ที่โบว์ลิ่งนั่นอยู่...ไปชวนเขามาทำงานด้วยโดยจะจ่ายให้เขาเท่ากับที่เขาได้อยู่ตอนนั้น $430.00/Wk. ผมก็แบ่งหน้าที่ให้เขาทำและรับผิดชอบ คือ Confirm Order, Packing และ Shipping และก็อัพเดท Stock สินค้าอาทิตย์ละครั้งผมจะได้รู้ว่ามีไซด์ไหนสีไหนเหลือเท่าไหร่ซึ่งผมจะได้สั่งมาเพิ่มเติมได้ถูก

ส่วนหลานแม่เด็กผมก็ให้เขาดูแลรับผิดชอบเรื่องบัญชี ติดตามลูกค้าที่ค้างจ่ายแล้วก็เอาเช็คที่ลูกค้าจ่ายมาให้แต่ละวันไปเข้าธนาคาร

ถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปเกือบปีแระเรากำลังจะเข้า Market Weeks เป็นครั้งที่ 4 ครั้งนี้นอกจากจะมีโชว์รูมที่ Dallas กับ Los Angeles แล้วเรายังจะมีที่ Miami, Atlanta และก็ที่ Chicago อีก ผมได้เตรียมตัวที่จะไปที่ชิคาโก้เพราะตั้งแต่จากมาแล้วก็ไม่ได้ไปอีกเลยจะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมพี่สาวผมด้วย

จากที่เคยสั่งเจ๊ให้ตัดชุดให้ผมเดือนละ 4,000 ตัว ผมก็สั่งเพิ่มขึ้นอีกเป็น 6,000 ตัว โดยส่งมาเป็น 2 ล็อตๆละ 3,000 ตัว ตามสีและไซด์ที่ได้กำกับไป..

แล้ว Holiday’s Market ก็มาถึงโดยเริ่มต้นที่ Dallas ก่อนแต่ผมไม่มี Plan ที่จะไปเพราะคิดว่า Joe เขา Handle ได้อยู่แล้วและผมก็เตรียมตัวที่จะไป Chicago ใน Weekend ถัดไป งานที่ Dallas เริ่มตั้งแต่วันพุธ-วันอาทิตย์ แต่แล้ววันหนึ่งรู้สึกจะเป็นวันพฤหัส Joe ก็โทรมาบอกผมว่า มีคนต้องการที่จะพบผมเขาอยากจะมา Deal กับผมเรื่อง "ชุดแม้ว" และก็รายงานด้วยว่า Market ผ่านไปสองวันเขาก็ได้ Orders มาเยอะเหมือนกัน ผมก็ดีใจกับข่าว Orders แต่เรื่องที่คนจะมา Deal กับผมนั้นผมก็ถามโจว่าเขาต้องการ Deal เรื่องอะไร Joe ก็บอกว่าเขาอยากจะเอาชุดแม้วไปขาย ผมก็บอกโจว่าก็คุณเป็นผู้จัดการแล้วก็จัดการไปสิ Joe ก็บอกว่า "She just want to meet and talk to you" ผมก็เลยบอกว่าโอเค...นัดเธอไว้เลยตอน 6 โมงเย็นวันเสาร์...ผมจะบินไปตอนบ่ายค้างคืนหนึ่งแล้วเย็นวันอาทิตย์ถึงกลับ..

แล้วผมก็มานั่งนึกว่าใครหว่า....” She ” เสียด้วย...55555 วันนั้นผมก็เลยจัดแจงโทรไปจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินไว้ แล้วบ่ายวันเสาร์ผมก็บินไป Dallas เข้าโรงแรมเอาของไปเก็บก่อนแล้วก็นั่งแท็กซี่ไปที่ Market ไปถึงที่โชว์รูมก็เห็น Joe กำลังขายชุดให้ลูกค้าอยู่ เขาเห็นผมก็ Say Hello แล้วก็แนะนำผมให้ลูกค้ารู้จักว่าผมเป็น President ของ Company และเป็นผู้ Design nice little dress นี้ด้วย....ลูกค้าก็ยิ้มด้วยความพอใจคือแบบมันเป็นของธรรมดาน่ะเราจะมีความรู้สึกดีเมื่อได้มีโอกาสพบปะบุคคลสำคัญหรือ VIP ลูกค้าก็ยื่นมือมา Check Hand ผมและก็บอกว่าชุดนี้สวยมากเธอหวังว่ามันจะขายดี ผมก็กล่าวขอบคุณที่สนใจในสินค้าของผมและบอกเขาไปว่าหากมีอะไรที่จะแนะนำแล้วผมยินดีรับฟังพร้อมกับควักนามบัตรผมให้ลูกค้า..

ช่วงนั้นเป็นเวลา บ่ายสี่โมงกว่าแล้วโชว์รูมของเราก็ Busy แบบคนรอคิวที่จะสั่ง ก่อน 6 โมงเล็กน้อยผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามา....ผมก็นึกในใจว่าผู้หญิงคนนี้เคยเห็นที่ไหนหว่า..แล้วเขาก็ไปทักทายกับ Joe เสร็จแล้ว Joe ก็แนะนำเธอให้รู้จักกับผม Joe บอกว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่ต้องการรู้จักกับผมแล้วเขาก็พูดขึ้นว่า "Elizabeth, This is Aka..He's the president of the company...my boss...." เขาบอกว่า "อลิซาเบ็ท, คุณคนนี้คือคุณอาข่า..เขาเป็นประธานบริษัท...เป็นเจ้านายของผม...."

Elizabeth..ก็เลยยิ้มทักทายพร้อมกับยื่นมือมาเช็คแฮนด์..แล้วผมก็ถามว่าคุณสบายดีหรือ คุณเป็นคนเดียวกับ Elizabeth ที่ผมรู้จักที่ Houston เมื่อเกือบปีที่แล้วหรือเปล่า..แล้วเธอก็มองผมอย่างงงๆว่าผมก้าวมาไกลถึงขนาดนี้ได้อย่างไร.. และตอนนี้เธอกลับมาเป็นคนที่จะมาของานผมทำคือจะมาเป็นตัวแทนเอาชุดไปขายให้...ผมจำได้ไม่เคยลืมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกสะใจเป็นที่สุด..เพราะผมเคยบอกเธอว่า...เราคงจะได้เจอกันอีกครั้งหากเธอยังอยู่ในธุรกิจนี้อยู่และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ..เขาคงจะรู้ว่าพระเจ้าย่อมเข้าข้าง "คนดี" เธอก็บอกว่าใช่..แล้วก็ถามผมว่า Line นี้เป็นของคุณหรือ..ผมก็บอกว่าใช่...พอดีมีลูกค้าเดินเข้าร้านผมก็บอกเธอว่าเราเจอกันอีกครั้งพรุ่งนี้ตอน 10 โมงเช้าได้ไหมเพราะตอนนี้เรากำลังยุ่งอยู่ เธอก็บอกโอเค..แล้วเธอก็เดินออกไป..

ผมมานึกถึงเมื่อครั้งที่ผมเขียนจดหมายไปหา Elizabeth บอกเธอว่ารู้สึกเสียใจและเสียดายที่ไม่ได้ทำ Business ด้วยกัน God knew who told you the truth และผมก็ไม่ Blame เธอที่เธอมีแนวโน้มที่จะเชื่อ Nee มากกว่าผมเพราะเขารู้จักกันมานานแล้ว แต่อย่างไรก็ดีในกาลข้างหน้าหากทั้งเธอและผม Still in the same business อยู่เราคงได้เจอกัน

และวันนี้เราได้มาเจอกันอีกครั้ง....เจอกันแบบที่ว่าเธอไม่คาดฝันว่าผมจะก้าวมาถึงขนาดนี้ได้...ผมสะใจและก็ดีใจจริงๆนึกถึงเมื่อไหร่ก็ขนลุกเมื่อนั้น....Where there is a will..there is a way...ความพยายามอยู่ที่ไหน..ความสำเร็จอยู่ที่นั่น...ยังใช้ได้ดีเสมอ..

รุ่งขึ้นอีกวันผมก็ไปที่ Market ประมาณ 9.30 น. ถึงตอน 10.00 น. ผมก็ไม่เห็น Elizabeth มาตามนัดแล้วเธอก็ไม่ได้โทรมาด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร..ถึงมาผมก็จะให้เขาตกลงกับ Joe อยู่ดีเพราะ Joe เป็น Manager และก็เป็น Territory ของเขาด้วย...ทางเดียวที่ Elizabeth จะเอาชุดแม้วนี่ไปขายตอนนี้ได้ก็คือเป็นเซลส์ให้เท่านั้น จะมาสั่งซื้อจากผมแล้วเอาไปจัดจำหน่ายเองไม่ได้แล้ว เพราะผมก็มี Net Work กระจายไปทั่วประเทศแล้ว ผมเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุที่เธอไม่มาว่าเป็นเพราะอะไร...แต่งานของเธอก็เป็นงานอย่างที่ผมทำนี่แหละ...ออกแบบ..หาแบบมาแล้วก็เอามาขาย...Take Order แล้วก็ Fill up Order..วงการแฟชั่นที่โน่นมันเป็นอย่างนี้..

บ่ายวันอาทิตย์ผมก็กลับพร้อมกับ Order ที่ได้รับมาผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แต่ก็เกือบ 4 พันตัวนี่เฉพาะที่ Dallas ที่เดียวนะ..ยังจะมีจาก California, Miami, Chicagoและก็ Atlanta อีก..

ผมตั้งใจจะไปอยู่ Chicago 3 วันคือศุกร์เสาร์และอาทิตย์...ผมบินจาก Houston ไป Chicago ตอนเช้าวันศุกร์ไปถึงโน่นก็บ่าย..จำได้ว่าจะใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง...โดยมีพี่เขยและพี่สาวไปรอรับผมก็ไปนอนบ้านเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนักไปทำอะไรกินกันแล้วก็คุยกันถึงเรื่องอดีต..พี่สาวผมเขาก็ดีใจนะที่ผมผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจได้...พี่สาวก็ปลื้มไปกับผมที่ไม่ผิดหวังกับน้องชายคนนี้...แหะๆ..

เช้าวันเสาร์พี่เขยก็ขับรถไปส่งผมที่ Apparel & Accessory Shows ที่ Merchandise Mart ถนนอะไรผมก็จำไม่ได้แระอยู่ใน Downtown Chicago นั่นแหละแล้วผมก็บอกพี่เขยให้มารับผมตอน 5 โมงเย็นผมจะมายืนรอตรงที่ Drop ผมนั่นแหละแล้วผมก็ Check in เข้าไปในตึกในใจก็นึกว่าเราเคยอยู่ชิคาโก้มาเป็นปีไม่เคยได้ย่างกรายเข้าไปในตึกนี้เลยทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้มีธุรกิจหรือธุระปะปังอะไรที่เข้าไปในนั้นแล้วผมก็ไปถึงโชว์รูมของ Rep. คนนี้ของผมเป็นครั้งแรกที่เขาจะเริ่มขายเพราะเขาได้ยินกิติศัพท์ว่าขายดีใน Texas และ California เขาจึงเอาไปลองดู ผมจำชื่อ Sales Rep คนนี้ไม่ได้แระเพราะเขาไม่มีผลงานอะไรที่ประทับใจเอาง่ายๆก็คือขายไม่ค่อยได้..ว่างั้นเถอะ..คือมันจะขายได้อย่างไรเมื่อผมไปถึง Show Room เขาดูแล้วเขาไม่ได้คิดที่จะ Promote ชุดผมเลย..แทนที่จะเอาไปใส่ในหุ่นที่ตู้โชว์เขากลับเอาไปแขวนไว้ตรงมุมห้องริมสุด..

คนที่ไม่สังเกตก็จะไม่เห็นมันจะต้องวางโชว์ให้เด่นสะดุดตาคนถึงจะสนใจแถมยังต้องแนะนำลูกค้าด้วย...อ้อ..ลืมบอกไปว่าผมมาที่ Chicago Market ครั้งนี้ผมไม่ได้บอกเซลว่าผมจะมา..แต่ผมได้ส่งเงินให้เขา $300.00 เพื่อช่วยค่าโชว์รูมระหว่าง Market ผมไปก็อยากจะไปสังเกตการณ์เท่านั้นและก็ถือโอกาสไปเยี่ยมพี่สาวด้วย แล้วผมก็ได้เรียนรู้มาอีกอย่างคือพวก Sales Rep. นี่เขามักจะติดต่อไปตามบริษัทต่างๆว่าจะ Represent Line ให้พร้อมกับขอช่วยค่าเช่าห้องเขาหน่อยบริษัทที่ต้องการ Rep. ก็จะสนองตามที่เขาต้องการแต่เมื่อ Rep. ได้รับตัวอย่างสำหรับเอาไว้ Take Order แล้วหากเขาไม่ชอบเขาก็ไม่เอามาโปรโมทหรือบางทีไม่เปิดกล่องดูด้วยซ้ำ..

ผมนั่งอยู่ในโชว์รูมเขาประมาณ ½ ชั่วโมงผมก็ขอตัวกลับเพราะบอกเขาว่าพอดีผมมาธุระมาเยี่ยมพี่สาวเลยถือโอกาสมาแวะเยี่ยมเยียน(ที่แท้ก็อยากจะมาดูว่าเขาจะตั้งใจขายให้เราหรือเปล่า) เมื่อผมลากลับผมก็ออกไปเดินดูตามชั้นและโชว์รูมต่างๆ โชว์รูมไหนที่มีเสื้อผ้าอยู่ใน Category เดียวกันกับของผมๆก็จะขอนามบัตรเขามาเพื่อที่จะติดต่อภายหลัง..ว่าเขาสนใจที่จะ Represent Line เราไม๊..

ได้เวลา 5 โมงเย็นพี่เขยก็มารับพี่สาวก็มาด้วยเขาตั้งใจจะพาผมไปกินอาหารจีนที่ China Town กินเสร็จแล้วก็กลับบ้านรุ่งขึ้นอีกวันตอนเช้าผมจำไม่ได้ว่าไปเที่ยวไหนกัน...ตอนบ่ายเขาก็ไปส่งผมที่สนามบินกลับ Houston

โปรดติดตามตอนต่อไปที่นี่... Growing Pain...มีออเดอร์เข้ามาเยอะมาก...ทำไม่ไหวเพราะทุนน้อยและก็ทำไม่ทันด้วย...ส่งเมียมาอยู่เมืองไทยเพื่อเปิดโรงงาน..

Highway #7 Downtown Houston, Texas, USA, 2004 500

ตอนที่ 17... Growing Pain...มีออเดอร์เข้ามาเยอะมาก...ทำไม่ไหวเพราะทุนน้อยและก็ทำไม่ทันด้วย...ส่งเมียมาอยู่เมืองไทยเพื่อเปิดโรงงาน..

หลังจาก Market Weeks ผ่านไปผมก็เอา Order จากเซลส์ทั้งหมดมารวบรวมดูได้ Order มาเกือบแปดพันตัว นาย Joe ขายได้เป็นอันดับหนึ่ง นาย Don จากแคลิฟอร์เนียเป็นอันดับ2 นาย Paul จาก Miami เป็นอันดับ3 นาย Millard จาก Atlanta เป็นอันดับ4 เซลส์จาก Chicago มาเป็นอันดับ5 (ส่งมา 6 ออเดอร์รวมทั้งหมดไม่ถึงร้อยตัว) เซลส์คนนี้หลังจากผ่านไปอีก 1 Season เขาก็แพ็คตัวอย่างส่งคืนเขาบอกว่าเขาทำอะไรไม่ได้..แต่ผมก็มีคนใหม่มาแทน..

เอาละสิปวดหัวแระ..แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาหมุนมาลงทุนวะเนี่ย..ไปกู้แบ็งค์ก็ไม่ได้ถึงได้อย่างดีก็แค่ 2-3 พันเหรียญสำหรับ Personal Loan นอกจากนี้แล้ว..จะไปหยิบยืมใครที่ไหนให้ลืมเลย วันหนึ่งเลยตัดใจเข้าไปที่แบ็งค์ไปขอกู้เขา..แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ..เพราะเราไม่มีหลักประกันอะไร..แม้จะเอา Account Receivable ที่รอจ่ายจากลูกค้าอีกหลายหมื่นเหรียญเป็นประกันเขาก็ไม่เอา..ติดต่อไปยังบริษัท Factor หมายถึงเขาจะรับซื้อ Account Receivable ของเราโดยมีส่วนลด 7-10% จากราคาเต็มแล้วก็จะเลือกเอาแต่ Accounts ที่มี Credit ดีด้วย..

ถึงคราวเสียแล้วก็ต้องยอมไม่เช่นนั้นธุรกิจเราจะหยุดชะงักจะต้องหาเงินมาเพื่อทำการผลิตให้ได้ก็เลยนัดให้เขามาดู Accounts เขาก็เอาไปตรวจสอบดูเป็นอาทิตย์แล้วบอกว่าเขารับได้ประมาณ 10% ของ Account Receivable ที่เรามีเท่านั้น..มานั่งคิดสารตะดูแล้วมันไม่คุ้มอะไรจะได้มาไม่กี่พันเหรียญเองแถมยังจะเสียส่วนลดไปอีกเป็นพันเหรียญในเวลาไม่ถึงเดือน..ที่สุดก็เลยบอกโนไป..

อีกสองวันต่อมาผมกลับไปที่แบ็งค์ใหม่ได้เจอกับ Ms.Mann ซึ่งเป็นรองประธานของแบ็งค์นั้น..ผมหอบเอาออเดอร์ที่ผมได้รับสองแสนกว่าเหรียญให้เขาดู..และเอา Account Receivable ที่มีประมาณ 50,000 เหรียญให้เขาดู..ถ้าลูกค้าจ่ายตรงเวลาภายใน 1 เดือนหรือกว่าๆก็จะได้รับหมดแถมยังมีเพิ่มจากที่ขายไปอีกทุกวัน..

Ms.Mann เขาก็ดูหลักฐานที่ผมให้เขาดูประกอบแล้วเขาก็บอกว่า "Aka..you are in a situation of growing pain" ทีแรกผมก็งงว่า Growing pain นี้มันคืออะไร..ก็ถามเขากลับเขาก็บอกว่าธุรกิจคุณไปได้ดี..แต่ในเวลาเดียวกัน Cash Flow ของคุณมันไม่ Balance กับธุรกิจที่กำลังรุ่งของคุณ..มันถึงทำให้คุณเจ็บปวดไปด้วยไง.. อธิบายมาอย่างนี้ผมก็ถึงบางอ้อ..รู้จักความหมายของคำว่า Growing pain มาตั้งแต่บัดนั้น

Ms.Mann ก็บอกว่า..I would like to help you.. but it’s the rule of the bank not to lend the money to someone who has no credit nor has established relationship with us without collateral even though you have account with us. คือหมายถึงว่าเขาอยากจะช่วยผมแต่มันเป็นกฎของแบ็งค์ที่จะไม่ให้เงินกู้แก่ลูกค้าที่ไม่มีเครดิตและก็ยังไม่มีประวัติในการกู้ที่นี่ถ้าไม่มีอะไรมาประกันถึงแม้ว่าคุณจะมีบัญชีไว้กับแบ็งค์เราก็ตาม ผมก็บอกให้เขาดูกระแสเงินเข้าออกของผม..เขาก็บอกว่ามันก็ดูโอเค..แต่จะเอามาเป็นหลักประกันในการกู้ไม่ได้

เอาอย่างนี้นะวิธีที่ฉันพอที่จะคิดช่วยคุณได้ คือคุณต้องสร้างเครดิตกับเราก่อนสักพักหนึ่งดูการผ่อนจ่ายของคุณว่าตรงเวลาไหม หากคุณสามารถจ่ายตรงเวลาได้สัก 3-4 เดือนเรามาคุยกันใหม่.. ผมก็ถามกลับไปว่าในเมื่อไม่ให้ผมกู้แล้วผมจะผ่อนจ่ายแบ็งค์ยังไง.. Ms.Mann ก็ถามว่าตอนนี้คุณหาเงินได้ 1 หมื่นเหรียญไหม.. ผมก็ตอบว่าก็มีอยู่ในบัญชี ประมาณ 7 พันแล้วผมก็ถามต่ออีกว่าถ้าผมมีหมื่นหนึ่งแล้วจะต้องทำอย่างไร... Ms.Mann ก็อธิบายว่าให้ผมซื้อ Certificate of Deposits หรือ CD’s หนึ่งหมื่นเหรียญระยะเวลา 1 ปีโดยจะให้ดอกเบี้ยกี่ % ผมจำไม่ได้แล้วให้ผมกู้เงิน 1 หมื่นนั้นโดยเอา CD’s เป็นประกัน ผมจะจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าที่ผมจะได้รับจาก CD’s 2%

แล้วผมก็ถึงบางอ้อ..ตกลงที่จะทำตามอย่างที่ Ms.Mann แนะนำถึงแม้ว่ายังแก้ปัญหาให้ผมไปในทันทีไม่ได้ก็ถือว่าเป็นการปูทางไปข้างหน้า.. ผมบอก Ms.Mann ว่าอีกสองสามวันผมจะมารอให้เงินเข้าครบหมื่นก่อน..แล้วผมก็ลากลับ..แต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะหาเงินมาจากไหน หากผลิตไม่ได้ออเดอร์ที่ได้มาก็จะสูญเปล่า งานนี้แม่เด็กเขาก็รู้และเป็นทุกข์เป็นร้อนแทนผมเหมือนกัน เขาบอกว่าเขาจะลองไปกู้ที่ Credit Union ของ City ดู ตอนนั้นเขาทำงานที่ City Of Houston ผมก็บอกโอเค..ลองดู...หลายวันต่อมาแม่เด็กก็บอกว่ากู้ได้ 5 พันเหรียญ

เมื่อผมไปจัดการซื้อ CD’s และทำสัญญาเงินกู้แล้วผมก็จะมีเงินสดอยู่ในมือ 10,000 เหรียญบวกกับของแม่เด็กอีก 5,000 ก็จะมีในราว 15,000 เหรียญ แต่ผมจะต้องใช้ประมาณ 35,000 เหรียญ..อีกสองอาทิตย์กว่าๆก็คงจะมีลูกค้าทยอยจ่ายมาประมาณ 6-7 พันเหรียญผมก็อาจจะมี สองหมื่นกว่าๆ..แต่มันก็ยังไม่พอ..และผมจะต้องกลับเมืองไทยให้เร็วที่สุดเพื่อเร่งการผลิต..

แล้วในที่สุดผมก็ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า..มีเงินติดตัวกลับเมืองไทย 25,000 เหรียญ..ตอนนั่งเครื่องกลับ..ก็คิด..ดิด..คิด..แต่ก็คิดไม่ออก..มาคิดออกว่าจะทำยังเอาเมื่อมาถึงเมืองไทยตอนเข้าห้องน้ำที่สนามบินดอนเมือง..เครื่องบินมาถึงดึกไม่มีเที่ยวบินไปเชียงใหม่..ผมต้องรอถึงเช้าถึงจะมีเครื่องบินต่อไปเชียงใหม่..ก็นั่งหลับๆตื่นๆที่สนามบินนั่นแหละจะออกไปนอนโรงแรมก็เสียเวลาเปล่าๆ..

มาถึงเชียงใหม่ผมก็เข้าไปพูดกับพ่อ..บอกพ่อว่า..ผมกลับเมืองไทยครั้งนี้มีเงินติดมา 500,000 บาทแต่ต้องใช้ทั้งหมดประมาณ 700,000 บาท แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจ่ายทีเดียวหมดคือจะจ่ายเมื่อมีของเข้าพร้อมส่ง..ผมจะเอาเงินนี้ให้พ่อเก็บไว้..แล้วก็ทยอยจ่ายไปตามที่ผมสั่ง..พ่อต้องสำรองไว้ให้ผม 200,000 เผื่อเหลือเผื่อขาดหากทางเมืองนอกส่งมาเพิ่มเติมให้ไม่ทัน..ผมกำชับพ่อด้วยว่างานครั้งนี้ผมมาทำเพิ่ม 5,000 ตัวพ่อได้ตัวละ 10 บาทพ่อก็จะได้อีก 50,000 ซึ่งมันก็อยู่ในงบนี้ด้วย..

สรุปแล้วพ่อจะสำรองให้ผมแสนกว่าๆเท่านั้นเองส่วนเปอร์เซ็นต์ของพ่อก็จะได้ช้าหน่อยเท่านั้นเอง... เมื่อพ่อผมถูกมัดมือชกอย่างนี้ก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้อีกอย่างก็คงอยากได้ Draft $25,000.00 ไปเข้าบัญชีพ่อยังจะได้ส่วนต่างที่เป็นเศษสตางค์เช่น $1.00 จะแลกได้ 20.50 บาทเป็นต้นแต่พ่อจะลงบัญชีให้ผม 20.00 บาทถ้วน

เมื่อตกลงกับพ่อได้แล้วผมก็ไปหาเจ๊เจ้าประจำที่ตัดเย็บให้ผมอยู่ ผมก็ถามเขาว่าจะรับงานเพิ่มอีก 5,000 ตัวได้ไหมและให้เสร็จภายใน 1 เดือน เจ๊ก็บอกว่าทุกวันนี้ เดือนละ 6,000 ตัวก็หืดขึ้นคอแล้วนะแล้วจะให้ทำอีก 5,000 ตัวไม่กล้ารับปากกลัวทำให้ไม่ทัน.. เจอแบบนี้แล้วผมจะทำยังไงดีหว่าจะจ้างคนอื่นทำเพิ่ม..ก็ต้องเป็นคนที่ไว้ใจกันได้จริงหากทำไม่ดีไม่เหมือนกับที่รับปากไว้ผมก็ต้องตายแน่ๆเลย.. ผมก็เลยบอกเจ๊ว่า..ผมจะผลิตเองแต่ผมขอคนมือดีของเจ๊ไปคุมงานคนหนึ่งได้ไหม แล้วก็ให้เจ๊รับภาระแค่จัดหาลายแม้วให้แล้วผมจะสมนาคุณให้บ้าง..เจ๊แกก็ตกลง

ผมก็เริ่มวางแผนงานทันทีผมก็ไปติดต่อซื้อผ้าที่เดียวกับที่เจ๊ซื้อนั่นแหละผมก็เสนอเขาว่าตอนสั่งผมจะจ่าย 50% ที่เหลือ 60 วันเขาก็โอเคเพราะเห็นว่าเจ๊แกก็ทำงานส่งให้ผมและไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินแต่อย่างใด ส่วนพวกด้ายหรืออะไรที่จะใช้ก็ให้ "หมวย" คนที่ผมขอเจ๊มาช่วยเป็นธุระให้หมด.. งานนี้ถ้าเสร็จตามแผนหมวยก็จะมีเงินเป็นแสน(ตัวละ 20 บาทเหมือนกับเจ๊ที่ได้รับ)..ผมก็สบายใจขึ้นเมื่องานเดินราบรื่น..

อ้อผมลืมบอกไปว่าก่อนที่ผมจะตัดสินใจเรื่องผลิตเองผมได้บอกถึงปัญหานี้ให้แม่เด็กทราบ เขาก็บอกว่าจะให้เขาลางานแล้วมาคุมให้ก็ได้นะลาได้หลายเดือนอยู่ ผมก็ตอบตกลง เมื่อทุกอย่างราบรื่นผมก็บอกให้แกซื้อตั๋วเดินทางมาเมืองไทยเลย(เป็นครั้งแรกที่แกเดินทางมาเมืองไทย)แนะนำงานอะไรเสร็จผมจะได้กลับสหรัฐ อีกไม่ถึงอาทิตย์แม่เด็กก็เดินทางมาถึงผมไปรับแกที่สนามบินดอนเมือง พาแกไปเที่ยวที่เมืองโบราณปากน้ำแล้วก็ไปพัทยานอนค้างที่นั่นหนึ่งคืน..รุ่งอีกวันก็กลับเชียงใหม่..

เนื่องจากพวกคนงานเดินทางมาทำงานที่บ้านผมไม่ได้..ผมก็ไปเช่าบ้านหลังหนึ่งให้คนงานตัดเย็บอยู่ ที่ไปกลับก็มี หมวยเป็นคนจัดการและคุมทั้งหมด ผมให้แม่เด็กไปดูแลด้วยเพราะต้องการให้งานเดินไปตามเป้าหากมีอะไรผิดพลาดจะแก้ไขได้ทัน.. ดูแม่เด็กเขาก็ชอบงานนี้ อีกอย่าง..ผลไม้..อาหาร..อุดมสมบูรณ์..เขาแค่เดินไปตลาดไปเลือกซื้ออาหารกินวันหนึ่งจ่ายค่าอาหาร 2-3 ดอลล่าร์ก็เหลือกินแระ (ผมจำไม่ได้ ปี 1983 ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกงจานละเท่าไหร่นะ)

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมก็เดินทางกลับสหรัฐ..ใช้เวลาอยู่ในเมืองไทยครั้งนี้ประมาณ 3 อาทิตย์..

โปรดติดตามตอนต่อไปที่นี่... กลับถึงสหรัฐ มีออเดอร์มาเยอะมาก....หลายรายส่งให้ไม่ทันตามที่เขาต้องการเขาก็ Cancel ไปโดยอัตโนมัติ...เผลอตัว..เผลอใจ...

@ "คืออยากจะเล่าช่วงนี้จริงๆ" เมื่อผมต้องผันตัวเองไปประกอบอาชีพเป็น เซลส์แมน...ในแดนมะกัน...

Beverly Hills Los Angeles U.S.A.

Comment...

อันตราย!!! คุณ"อ่านข้อความยาวๆ"ได้หรือไม่????? คุณพิสูจน์ได้...

การที่เรียกว่า"สมาธิสั้น"นั้นเป็นการเรียกที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก จริงๆแล้วต้องเรียกว่า"สมาธิบกพร่อง" ทั้งนี้เพราะบางคนที่เป็น ไม่ได้มีปัญหาตรงที่มีสมาธิในช่วงสั้นๆ แต่มีปัญหาในเรื่องของ การควบคุมสมาธิและการปรับเปลี่ยนสมาธิ (Selective Attention) มากกว่า

By Thanawut: ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk คลิกที่นี่...

By Thanawut: แนะนำคุณพ่อคุณแม่มือใหม่... ศาสตร์เลี้ยงลูกให้ได้อย่างใจ... คลิกที่นี่...
By Thanawut: For...Friends&Friends

E-Bookโหลดทั้ง2part แตกไฟล์คลิกขวาpart1 คลิกซ้ายExtract Here Part1 & Part2

By Thanawut: เป็นพ่อเป็นแม่คน...เรื่องนี้ให้เก็บเอาไปคิดเป็นการบ้าน... คลิกที่นี่...

By Thanawut: ชีวิตต้องสู้...Jimbo นักธุรกิจใหญ่ที่ชะตาผกผัน...มาเป็นคนขายปลาทู...สู่คนขับแท็กซี่...ลีมูซีน และอีกหลายๆๆ... คลิกที่นี่...

By Thanawut: ลองอ่านๆดู ผมว่ามันฮามาก... ชีวิตท.ทหารเกณฑ์...รันทดยิ่งกว่านวนิยายน้ำเน่าอีกว่ะ!... คลิกที่นี่...

By Thanawut: โฉมฉาย อรุณฉาน...สาวสวยร้องเพลงไพเราะที่ผมขอเขียนถึงสักครั้ง คลิกที่นี่...

By Thanawut: การเมืองเร่อะ...อย่า"อิน"ให้มากนัก เพลาๆกันไว้มั่ง คลิกที่นี่...

By Thanawut: ห้องนอนใครเหม็นอับมาทางนี้... คลิกที่นี่...

กะลังมันส์!! รอหน่อยนะตะเอง...อิอิ