@ 68> นายกฯปูเฉียบขาด งัดม.31พ.ร.บ.ป้องกันฯยึดอำนาจ กทม.
@ Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 77 ดูคลิปวีดีโอชัดๆ "นายกฯยิ่งลักษณ์" ยิ้มทั้งน้ำตา ไม่ท้อ(ค่ะ) ไม่ร้องไห้ ... ต้องเข้มแข็ง
@ 69> ระหว่าง นายกฯอภิสิทธิ์ กับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ใครควรถูกตำหนิมากกว่ากัน
@ หลังน้ำลด แนะนายกฯปูจัดให้หนัก "เคลียร์บิล" ยกเครื่อง
ดูภาพขนาดใหญ่ คลิกที่นี่...
ดูภาพขนาดใหญ่ คลิกที่นี่...
ดูภาพขนาดใหญ่ คลิกที่นี่...
สองเขื่อนยักษ์ ปริศนาลับ! กำจัดปู! บทพิสูจน์น้ำ"หมื่นล้านคิว" มาจากไหน? ใครวางงาน?
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่...http://www.bangkok-today.com/node/10905
จนถึงวันนี้กองทัพน้ำจำนวนมหาศาล ที่ไหลบ่ามาล้อมกรุงเทพฯ ได้เริ่มทะลุทะลวงล่วงล้ำเข้ามาตามคลองในกรุงเทพฯและล้นเอ่อทะลักขึ้นตามท่อระบายน้ำแล้วในหลายเขตพื้นที่
ไม่นับกับปริมาณมวลน้ำมหึมาที่ยังคงไหลบ่าลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา จนพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งได้รับผลกระทบอ่วมหนักไปตามๆกัน ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิศาสตร์ของพื้นที่แต่ละเขต ว่าเป็นที่ลุ่ม ที่ต่ำ หรือที่สูง และสำคัญที่สุดพนังกั้นน้ำยังดีอยู่หรือไม่ มีใครไปรื้อแนวป้องกันออกหรือไม่ รวมไปถึงการทำหน้าที่ในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ของ 16 สถานีสูบน้ำใหญ่ของ กทม. ว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด?
* * * * *
แม้แต่กองทัพยังออกมาปากว่า มีหน่วยงานราชการบางแห่งที่ยังคงเล่นเกมเกียร์ว่าง ทั้งๆที่นับวันจะวิกฤตมากขึ้นทุกทีเช่นนี้
บอกได้เพียงว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจจะต้องมีรายการลงดาบเล่นงานกันอย่างจริงๆจังๆโดยไม่เลือกหน้าไม่เลือกพวกไม่เลือกสีได้แล้ว
ถ้าไม่เชือดไก่ให้ลิงที่วิ่งกันยั้วเยี้ยในเวลานี้ดูเสียบ้าง ก็ต้องระวังว่ารัฐบาลเองนั่นแหละที่จะสั่นคลอน
* * * * *
น้ำจำนวนมหึมากว่า 1.1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรนั้น มันมาจากไหนกันแน่???
ทำไมทั้งๆที่กระจายท่วมท้นไปกว่า 30 จังหวัดแล้ว ยังคงมีมวลน้ำอยู่มากมาย ดูราวกับไม่หมดไม่สิ้นเสียที
มากมายชนิดที่คนกรุงเทพฯยังไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่า หากปล่อยให้เข้ามาท่วมกรุงเทพฯ เพื่อช่วยพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดและในพื้นที่จังหวัดปริมณฑลโดยรอบกรุงเทพฯแล้ว จะสามารถลดทอนน้ำในที่ต่างๆได้แค่ไหน???
* * * * *
เพราะน้ำจำนวนมหาศาลเป็นหมื่นๆล้านลูกบาศก์เมตรในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการบริหารน้ำในเขื่อนสำคัญคือเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ นั่นเอง
ปกติเขื่อนภูมิพล จะต้องมีระดับความจุเก็บกักน้ำต่ำสุดคือ 3,800 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ความจุเก็บกักน้ำต่ำสุดคือ 2,850 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งก็จะมีปริมาณน้ำที่แม้จะน้อยแต่ก็พอประคองสถานการณ์ภัยแล้งได้บ้าง
แต่ในปีนี้การดูแลน้ำในเขื่อนทั้ง 2 เกิดความวิตกในเรื่องภัยแล้งมากจนเกินเหตุ ทำให้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ทั้งๆที่ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีอยู่ที่ความจุ กว่า 6,000 ล้าน ลบ.ม. แล้ว แต่กลับไม่มีการพร่องน้ำเอาไว้เลยแม้แต่น้อย (ดูกราฟที่ 1 และ 2 ประกอบ)
ทำให้ในช่วงเดือน พฤษภาคม มิถุนายน จนถึงกรกฎาคม น้ำในเขื่อนถูกเก็บกักเอาไว้สูงขึ้นเรื่อย
ประกอบกับในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม มีการเลือกตั้ง ทำให้เกิดช่วงสุญญากาศทางการเมือง รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่จนถึงต้นเดือนสิงหาคม ทำให้การดูแลระดับน้ำในเขื่อนอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของกรมชลประทาน
เนื่องจากกว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะสามารถทำหน้าที่ได้ ก็เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2554 เวลาประมาณ 21.30 น. ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จากนั้นในวันที่ 10 ส.ค. นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี จึงได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 14 รพ.ศิริราช (Thanawut: กว่าจะเริ่มทำงานได้ก็ปลายเดือนสิงหาคมหลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภา)
ซึ่งในวันที่ 13 สิงหาคม ตามกราฟจะเห็นว่า เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ มีความจุน้ำพุ่งขึ้นไปถึง 8,400 ล้าน ลบ.ม.แล้ว ทำให้เมื่อเจอกับพายุเข้า 3-4 ลูกติดๆกัน น้ำในเขื่อนใหญ่ทั้ง 2 จึงขยับขึ้นมาเต็มเขื่อนอย่างรวดเร็ว
เมื่อน้ำในเขื่อนสิริกิติ์แตะระดับ 9,500 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนภูมิพลแตะ 13,500 ล้าน ลบ.ม. ในต้นเดือนกันยายน จึงทำให้เขื่อนต้องเร่งระบายน้ำ และกลายเป็นมวลน้ำจำนวนมหึมาที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั่นเอง และกลายเป็นโศกนาฏกรรมใหญ่ในครั้งนี้
* * * * *
ความผิดพลาดครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนราคาแพงอย่างยิ่ง
หากในเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม มีการสั่งการให้กรมชลประทานพร่องน้ำเอาไว้ที่ระดับประมาณ 3,500 – 4,000 ล้าน ลบ.ม. ก็จะทำให้เขื่อนสามารถที่จะรับน้ำได้อีกถึงกว่า 5,000 – 6,000 ล้าน ลบ.ม.ได้อย่างสบายๆ ซึ่งปริมาณน้ำท่วมทุ่ง ก็จะไม่มากมายมหาศาลเท่ากับขณะนี้แน่ เพราะรวม 2 เขื่อนจะรับน้ำได้เป็นหมื่นล้าน ลบ.ม.นั่นเอง
* * * * *
เนื่องจากประชาชนไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับระบบการจัดการระบายน้ำในคลองของ กทม. เพราะจากข้อมูลของ กทม.เอง โดยสำนักการระบายน้ำของ กทม. ณ วันที่ 31 ตุลาคม ที่เผยแพร่ในเว็บไซด์ dds.bangkok.go.th/canal/ ยกตัวอย่างเฉพาะแค่คลองเปรมประชากร ซึ่งทำให้เขตดอนเมืองวิกฤตนั้น พบข้อมูล(ตามภาพประกอบ)ว่าน้ำในคลองช่วง สน.ดอนเมือง เขตดอนเมืองอยู่ที่ 1.55 เมตร แต่ถัดมาแค่ช่วงวัดเทวสุนทร เขตจตุจักร ระดับน้ำอยู่ที่ 1.01 เมตร ห่างกันกว่า 50 เซนติเมตร ยิ่งลงมาที่ช่วงสถานีน้ำอุโมงค์คลองเปรมฯ เขตบางซื่อ ระดับน้ำอยู่ที่ 0.04 เมตร
ซึ่งมองตามประสาประชาชนทั่วไป ที่เห็นกราฟนี้แล้วไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งเมื่อคลิกดูหลายๆคลองใน กทม. ก็ไม่ต่างกัน คือหลายคลองยังแห้งผากอยู่ จึงไม่รู้ว่ามีใครอยากจะเป็นพระเอกหรือไม่ หรือมีใครเล่นอะไรอยู่
เรื่องนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เมื่อเห็นกราฟแล้ว จะต้องเร่งตรวจสอบและหาคำตอบมาให้กับประชาชนด้วย ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น???
* * * * *
ดังนั้นเวลานี้จึงไม่ใช่เวลาที่อยากเป็นพระเอก ไม่ใช่เวลาที่จะมาเสนอหน้า หรือไม่ใช่เวลาที่อยากจะเป็นรัฐมนตรี เป็นเสนาบดี
เวลานี้คือเวลาวิกฤตที่ต้องช่วยประเทศชาติและประชาชน
หากใครยังขืนงี่ๆเง่าๆไม่เลิก ระวัง...เราเตือนคุณแล้วนะ!!