@ "วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป
@ 027 Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 029 ชมภาพชุด! นายกฯปูลงเรือเยี่ยมประชาชนเขตดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมขัง...และภาพสวยๆจากสื่อมะกัน
@ ชมภาพสวยๆทั้ง 3 ชุด บาหลี-ต้อนรับฮิลลารี-บันคีมูนที่ทำเนียบฯ
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน จีน ชุดที่10
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย
@ ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554
@ 81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’
@ เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00
@ 82 ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk
@ 54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ
@ สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...
@ 55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ
@ สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี
@ 84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ
@ 80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน
@ นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"
@ สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในใจของคนเป็นหมอ...คือการได้ทำตามคำสั่งสุดท้ายของคนไข้นั่นเอง
@ อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ
@ ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค
@ ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา
@ ลูกเล่นใหม่ GoogleMap ดูได้รอบทิศทาง360องศาหน้าบ้านตัวเอง-คนอื่น
@ แม่ค้ารุมกรี๊ด! ภาพนายกฯปู กินก๋วยเตี๋ยว-เดินตลาดนางเลิ้ง
@ ไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย
@ ปี๋เก่าก็ล่วงไปแล้ว ปี๋ใหม่แก้วก็มาฮอดมาเติง...
@ คลิปและภาพนายกฯปูเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่
@ คลิปนายกฯทักษิณร้องเพลงเวทีคนเสื้อแดงที่กัมพูชา
@ เปิดตัว "เอ็มแรป" โมเดล! สุดคุ้มขึ้นค่าแรง 300 บาทบริษัทโชว์กำไรพุ่ง
@ ขอยืนยัน ข้าวแกงจานละ 100 บาท หรือกว่า ร้อยบาท มีจริง แพงจริง...
@ เหอ เหอ... พณฯท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภาฯ
@ นานาcomment...ให้ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย รับเอาไปทำการบ้านก่อนจะสายเกินแก้...
@ "เป็นเรื่องโชคดีที่แพ้ก่อน" : ดร.สุนัย วิเคราะห์การพ่ายแพ้ที่ปทุมฯ
@ ผมเห็นรัฐบาลกำลังทำอะไรที่ไร้แก่นสารแบบนี้แล้ว รู้สึกเหมือนถอยหลังไปอีกสิบปี
คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...
ผู้ที่มี "วิสัยทัศน์" นั้น ย่อมต่างจากคนที่ยังครอบหัวกบาลตัวเอง ด้วย "กะลาทัศน์"...
By: วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
อยากจะชวนท่านผู้อ่าน มองบางแง่มุมขององค์กรเก่าแก่อย่าง อสมท. ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของคลื่นที่กำลังจะมีงานฉลองครบรอบ "60 ปี บริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด 35 ปี อสมท." สักนิดเถอะครับ
อยากจะเล่าเกร็ดเกี่ยวกับบริษัทไทยโทรทัศน์จำกัด ซึ่งเป็นที่มาของช่อง 9 อสมท. ทุกวันนี้ ให้ท่านผู้อ่านฟัง ว่า
ในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. เสนอให้มีการจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ขึ้นในประเทศไทย โดยจะใช้งบประมาณในการจัดตั้ง 10 ล้านบาท (สิบล้านบาทถ้วน)
ไม่น่าเชื่อว่า บรรดา ส.ส.ในสภาฯขณะนั้น ต่างอภิปรายคัดค้าน บอกว่าเป็นของ "ฟุ่มเฟือย" เอาเงินไปตั้งโรงเรียนดีกว่า!
ในที่สุดรัฐบาลจอมพล ป. ถอดใจ ไม่ของบประมาณจากรัฐ แต่หาทางออกด้วยการระดมทุน โดยมี พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ จนได้เงินทุนจำนวน 20 ล้านบาท จัดตั้งบริษัทไทยโทรทัศน์จำกัดขึ้นมา ด้วยการลงขันกันในระหว่างหน่วยราชการ เมืองไทยถึงได้มี "โทรทัศน์" กับเขาบ้าง!
สถานีวิทยุไทยโทรทัศน์ ช่อง 4 บางขุนพรหม เปิดดำเนินการแพร่ภาพ เมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ.2498 คนไทยได้เห็นตราสัญลักษณ์ รูป "วิชชุประภาเทวี" ซึ่งเป็นเทวดาสตรี ผู้เป็นนางพญาแห่งสายฟ้าหรือเทพเจ้าแห่งสายฟ้า ถือแก้วมณีด้วยหัตถ์ขวาส่องประกายระยิบระยับ วูบวาบมาตอนเปิดสถานี
ทันทีที่เลดี้เทวดาโผล่โฉมออกมาทางหน้าจอโทรทัศน์ตอนเปิดสถานีมโหรีก็ประโคมรับ ด้วยเพลงไทยเดิม "บรเทศ" (ปัจจุบันเป็นเพลง "ต้นวรเชษฐ์") และพี่น้องประชาชนคนไทยรุ่นผมและรุ่นต่อๆมา ต่างคุ้นเคยกับทั้งเพลง และตราสัญลักษณ์ดังกล่าว นับแต่บัดนั้น
ทางคุณจำนง รังสิกุล ซึ่งอยู่ทางวิทยุ ททท. ได้มาเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดรายการสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของบ้านเราด้วย และเป็นผู้บุกเบิกคนสำคัญของวงการนี้ทีเดียว
หัวหน้าจำนงฯ ได้นำผู้ประกาศสาวสวย จากสถานีวิทยุ ททท. ซึ่งตอนนั้นอยู่ตรงข้ามกับธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ ถนนข้าวสาร ในขณะนั้น (ปัจจุบันเป็น สาขาราชดำเนินไปแล้ว) มาเป็นผู้ประกาศรุ่นแรก เช่น คุณอารี นักดนตรี คุณเย็นจิตร สัมมาพันธ์ และ คุณดาเรศน์ สาตะจันทร์ เป็นต้น
หากรัฐบาลของ จอมพล ป. ในตอนนั้น ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีสื่อโทรทัศน์ เพื่อเปิดหูเปิดตาประชาชน ตามความเห็นของ ส.ส. ที่คัดค้านแล้ว ก็ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่บ้านเรา ถึงจะมีสถานีโทรทัศน์ เช่นเดียวกับประเทศอื่นเขา?
ถ้าคนใน อสมท. สนใจ สามารถไปค้นคว้าประวัติศาสตร์องค์กรดูได้จากบันทึกของรัฐสภา ซึ่งบันทึกคำพูดของ ส.ส.ที่อภิปรายคัดค้านเอาไว้ จะเห็นได้ว่า ผมพูดไม่ผิด!
เล่าเรื่องที่มาของสถานีโทรทัศน์ไทยแล้ว ให้คิดถึงโครงการ "แท็บเล็ต" สำหรับเด็กนักเรียนที่คนค้านกันตรึม ซึ่งมีทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้าน (แบบเดียวกับ ส.ส. ยุคค้านการจะมีโทรทัศน์ ไม่ผิดกันเลย) รวมทั้งผู้ดำเนินรายการของคลื่น FM 96.5 MHz และคลื่นอื่นๆ ของ อสมท.ด้วย
นอกจากสื่อผู้ดำเนินรายการวิทยุ และโทรทัศน์ในเครือข่าย อสมท. ที่คัดค้านแล้ว ยังมีคลื่นศัตรูถาวรของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น "สื่อเสื้อเหลือง" "โพสทูดายเรดิโอ" "ไทยพีบีเอส" ฯลฯ ล้วนแต่ตามแห่คัดค้านโครงการดีๆ อย่าง "แท็บเล็ต" สำหรับเด็กนักเรียนทั้งนั้น
ประหลาดจริงๆ! คนที่ออกมาคัดค้าน ส่วนใหญ่บอกว่า สิ้นเปลืองงบประมาณมากเหลือเกิน ไม่มีประโยชน์ เอาเงินไปพัฒนาการศึกษาด้านอื่นดีกว่า
แต่คนพูดทราบหรือเปล่า ว่างบประมาณที่ใช้ซื้อ "แท็บเล็ต" นั้น มีจำนวนแค่สองพันล้านบาทเท่านั้น ไม่ถึงครึ่งของเงินหลวง ที่รัฐบาลพรรคประชาธิเปรต "ถลุง" ไปในการโฆษณาประชาสัมพันธ์รัฐบาลตัวเอง รวมถึงการขึ้นป้าย โชว์รูปหน้าตารัฐมนตรีของพรรคดักดาน ให้ปรากฏอยู่ตามทางแยกต่างๆ โดยมียอดใช้จ่ายประมาณ...ปีละเกือบ 5,000,000,000.00 (ห้าพันล้านบาทถ้วน)!
คนที่ออกมาคัดค้านนั้น อาจเป็นเพราะวิตกจริตสูง เนื่องจากหวาดกลัวโครงการของพรรคเพื่อไทย (หรือไทยรักไทยในอดีต) ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ในความโดดเด่น เช่น "โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค"
ตอนเริ่มโครงการ ก็โดนทั้งพรรคดักดานและฝ่ายตรงข้ามระดมโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่มาถึงวันนี้ ได้พิสูจน์แล้วว่า โครงการที่ยิ่งใหญ่นี้ เป็นที่พึ่งด้าน "สุขภาพอนามัย...ของคนไทยทุกคน" โดยเฉพาะคนยากคนจน ที่ไม่เคยเข้าถึงการรักษาพยาบาลมาก่อนเลย
ผลงานของพรรคเพื่อไทย หรือไทยรักไทยในอดีต ที่โดนใจพี่น้องประชาชน จนไม่มีทางที่พรรคดักดาน จะควานหาโครงการอื่นใด มาทัดเทียมทันได้
ซ้ำร้ายผู้บริหารพรรคดักดานดังกล่าว ขาดแคลนทั้งสติปัญญาและการมองการณ์ไกล จนไม่สามารถสร้างความเจริญ ให้กับชาติบ้านเมืองอันเป็นที่รักของพวกเราได้!
ขอบอกกันตรงๆเลยว่า ผมฟังเสียงคัดค้านเรื่อง "แท็บเล็ต" ด้วยความ "หดหู่" เป็นอย่างยิ่ง เพราะเห็นว่า...
การที่ให้เด็กสมัยนี้ ถือ "แท็บเล็ต" แผ่นเดียวไปโรงเรียนตอนเปิดเทอมใหม่ที่กำลังจะมาถึง ก็คงไม่ต่างอะไรจากเด็กรุ่นผม ที่เคยถือ "กระดานชนวน" ไปเรียนชั้นประถม ที่โรงเรียนราชินี ปากคลองตลาด (ห้ามพิมพ์ตกคำว่า "คลอง" เด็ดขาด!) ลองถามคุณ เตช บุนนาค อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศดูก็ได้ เพราะท่านก็เคยถือ "กระดานชนวนแผ่นเดียว" ไปโรงเรียนนี้ พร้อมๆกันกับผม
มาถึงวันนี้ โลกมันก้าวหน้าไปไกล เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้ถือกระดานชนวน แบบเดียวกับผม แต่พวกเขาจะถือกระดานเหมือนกัน แต่เป็นกระดานแบบใหม่ ที่เราเรียกว่า "แท็บเล็ต" ไม่เห็นมันจะ "ต่าง" อะไรกันนักหนา!
ผมว่าโครงการ "แท็บเล็ต" เป็นการแสดงความมีวิสัยทัศน์ของรัฐบาลนายกฯปูอย่างเห็นได้ชัด
ท่านผู้อ่านที่เคารพรัก ลองดูเด็กในสลัม ประเทศอินเดียตามภาพนี้ แล้วคิดอย่างไร?
เห็นอย่างนี้ คงไม่แปลกใจว่า ทำไมเมือง Bangalore ของเขา จึงกลายเป็น Silicon Valley of India และโดดเด่นขึ้นมา ในสังคม IT ของโลกใบนี้
หากเราจะดูนโยบายของรัฐบาลโลซก ที่พวกเราพี่น้องประชาชนช่วยกันถีบตกจากเก้าอี้ไป เปรียบเทียบกับรัฐบาลปัจจุบันแล้ว คงเห็นได้ว่า
ผู้ที่มี "วิสัยทัศน์" นั้น ต่างจากคนที่ยังครอบหัวกบาลตัวเอง ด้วย "กะลาทัศน์" ตรงนี้เอง
การครอบหัวกบาล ด้วย "กะลาทัศน์" อย่างดื้อด้านดักดาน โดยไม่ยอมถอดออกนั้น เป็นเหตุให้พรรคกะโหลกกะลา มันถึงได้แพ้ซ้ำแพ้ซาก จนกลายเป็น...พรรคกเฬวราก...ไปในที่สุด!!!
ผมมั่นใจเต็มร้อยว่า วันนี้ ทั้งสื่อและปฏิปักษ์รัฐบาลนายกฯปู อาจยืนกรานคัดค้านเรื่อง "แท็บเล็ต" แต่ในวันข้างหน้า คนเหล่านั้นต้องเปลี่ยนใจ กลายมาเห็นด้วย
เมื่อถึงวันและเวลาที่เด็กและเยาวชน รุ่น "แท็บเล็ต" ของเรา ได้แสดงศักยภาพออกมาให้ปรากฏต่อสาธารณชนว่า พวกเขานั้น...แตกต่างจากเด็กรุ่นเก่า ที่ไร้ "แท็บเล็ต" อย่างไร?
แล้วจะได้เห็นกัน!
ไอ้หนูเอ๊ย...รุ่นปู่ใช้แท็บเล็ตมาตรฐาน มอก.ตัวข้างล่างนี้ว่ะ...อิอิ
นายกฯปู เซ็น MOU รถไฟความเร็วสูง
รัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลประเทศจีน ได้เจรจาทำการลงนามร่วมกัน 8 ฉบับ โดยเฉพาะเมกะโปรเจ็กต์ว่าด้วยความร่วมมือด้านรถไฟที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมระดับรัฐมนตรี
ซึ่งรถไฟความเร็วสูงที่จะร่วมทุนกับจีน มีทั้งหมด 5 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทาง กรุงเทพฯ-ระยอง, กรุงเทพฯ-หนองคาย, กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์, กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศเจริญเติบโตเป็นอย่างมาก